วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สำคัญผิด ในข้อเท็จจริง

สำคัญผิด ในข้อเท็จจริง

            วันนี้อยากจะเล่าเรื่องข้อกฎหมาย  เรื่อง สำคัญผิด ในข้อเท็จจริง เป็นการแชร์ความรู้ ที่ศาลฎีกา ได้พิพากษาไว้แล้ว เพื่อให้เหล่าสมาชิก และเพื่อนๆ ได้รับทราบไว้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เป็นประสบการณ์ ก็เนื่องจากว่าภาษากฎหมายนั้นเป็นภาษาที่ค่อนข้าง เข้าใจยากจะต้องมีการนั่งตีความกัน หลายประเด็น และเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ 

            วันนี้ก็จะขอเล่าเนื้อเรื่องของเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นและก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งเป็นกรณีศึกษา ว่าถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น เราจะกระทำอย่างไรเพื่อให้เราพ้นผิดในกรณีที่กระทำอาจจะมีความผิดทางกฎหมายได้
 แต่ถ้าเรารู้และได้รับทราบมาก่อนแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถที่ประพฤติปฏิบัติตัวในลักษณะที่ไม่เป็นการต้องโทษคดีได้  เรื่องนี้ โดยตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 2550 / 2553 พิพากษา โดยมีใจความ ดังนี้


ภาพนี้ เป็นเพียงภาพประกอบ บทความเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่อย่างใด


            ความว่า  ในขณะที่เกิดเหตุนั้นเป็นเวลาตอนกลางคืน จำเลย (ผู้ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด) กำลังนอนอยู่ในเปล ที่ขนำในนากุ้ง เพื่อเฝ้าดูแลรักษาทรัพย์สินของตน  จำเลย เห็นรถยนต์แล่นผ่านเข้ามาใกล้ใกล้บริเวณนากุ้ง จึงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลท์ส่อง ให้ทราบว่า ลักษณะนี้ว่า ต้องการให้ผู้ที่ขับรถผ่านเข้ามานั้นได้รับทราบว่ามีคนเฝ้าและดูแลในนากุ้ง  ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งการกระลักษณะนี้เป็นการกระทำเพื่อรักษาทรัพย์สินของตน  แต่  โจทก์ (ผู้ฟ้อง) ไม่สนใจในการส่องสปอร์ตไลท์นั้น และยังขับรถแล่นเข้ามาในบริเวณที่เกิดเหตุ (บริเวณบ่อนากุ้ง)  ซึ่งมิใช่ถนนสาธารณะที่ใช้สัญจรโดยทั่วไป  ซึ่งทางเข้ามายังนากุ้งในยามวิกาลประมาณ เวลา 3 นาฬิกา  และรถนั้นยังได้ชนกับจักรยานยนต์ของจำเลยซึ่งจอดอยู่หน้าขนำ  

            ลักษณะดังกล่าวย่อมทำให้ จำเลย (ผู้ถูกฟ้องว่ากระทำความผิด) เกิดความตกใจกลัว และสำคัญผิดว่าจะเกิดอันตรายขึ้นแก่ตน สำคัญคิดว่าจะมีคนร้ายเข้ามาทำร้ายตน
  ในขณะเดียวกันนั้นจำเลยก็หยิบปืนขึ้นมายิ่งขึ้นบนท้องฟ้าก่อน (เพื่อขู่ไม่ให้ผู้บุกรุกเข้ามา)  และยิงอีก 1 นัด ในระยะที่ใกล้ชิดที่ต่อเนื่องกัน ในขณะที่ ช. (ผู้เสียหาย) กับโจทก์ (ผู้ฟ้อง) กำลัง ร่วมกันเปิดประตูรถออกมา  ซึ่งลักษณะนี้ทำให้จำเลยเข้าใจผิดว่าผู้ที่อยู่ในรถนั้นมีอาวุธ  ซึ่งในระหว่างนั้นหากจำเลยชักช้าเพียงเล็กน้อย  จำเลยอาจจะได้รับอันตรายร้ายแรงก็ได้   

            ซึ่งจำเลยได้กระทำ (ยิงปืน) ลักษณะนี้ก็เพราะเป็นการป้องกันตน ให้พ้นจากอันตราย
  ซึ่งจำเลยสำคัญผิดว่าจะเกิดขึ้นแก่ตนเอง และเป็นภัยอันตรายที่ใกล้จะมาถึงตัว  อีกทั้งหลังจากจำเลยได้ยิงปืนนัดที่ 2 ไปแล้ว จำเลยก็ได้วิ่งหนีไปในทันที  โดยมิได้ยิงหรือทำร้ายโจทก์อีก ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส  

เนื่องจาก โจทก์ร่วม (เพื่อของโจทก์ ที่ถูกยิง) ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ และลงมาจากรถแล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ เพื่อให้ตนพ้นจากอันตรายที่จำเลยสำคัญผิดว่าจะเกิดขึ้นอันเป็นการป้องกัน โดยชอบตามประมวลกฎหมายโดยสำคัญผิดมาตรา 68 ประกอบมาตรา 62 วรรคแรก  ซึ่งได้บัญญัติไว้ว่า

            มาตรา 62 วางหลักไว้ว่า ข้อเท็จใดถ้ามีอยู่จริง จะทำให้การกระทำไม่เป็นความผิด แม้ข้อเท็จจริงนั้นไม่มีอยู่จริง แต่สำคัญว่ามีอยู่จริง ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิด  (ภาษากฎหมาย)

            สรุป หมายความว่า จำเลยไม่มีความผิด เนื่องจาก จำเลยสำคัญผิดว่า จะเกิดขึ้นอันตรายต่อตนเองเพื่อ เป็นการป้องกันตนเอง และทรัพย์สิน จึงจำเป็นต้องยิงปืนป้องกันตัว นั้นเอง



////////////////////

อยากขับวิน (มอเตอร์ไซค์รับจ้าง) ทำไง

อยากขับวิน (มอเตอร์ไซค์รับจ้าง) ทำไง
ตอนแน่ใจจะขับวิน หรือแค่พูดดูดี
////////////////////////////////////////

วันนี้จะเล่าเรื่องอาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์ ให้ฟังสักหน่อย  เพราะมีหลายคนก็มีความสนใจในการที่จะมาขับวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อต้องการหารายได้พิเศษ โดยมองว่าเป็นอาชีพเสริม  เนื่องจากอาจมองว่ามีรายได้ดี แต่ขับวินมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อย ๆ ควบคู่กับการทำงานประจำ ก็เป็นแนวคิดที่ดี  ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ ของประเทศก็เกิดขึ้นกันอยู่บ่อย  ๆ ตามแบบฉบับของพี่ไทย การทำมาหาเงินยากลำบากมากขึ้น  โดยเฉพาะการใช้ชีวิต ของผู้คนในเมืองใหญ่ มีรายได้ต่อ เดือนละหมื่นหรือเดือนละ 20,000 กว่า ก็คงไม่พอ เพราะรายได้มาก ไหนจะเลี้ยงครอบครัว  ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่าผ่อนรถ และสารพัดรายจ่าย ทางออกที่ดีที่สุดคือการหารายได้เสริมเพิ่มเข้ามา แถมค่าครองชีพก็สูงขึ้นเรื่อย  ๆ สิ่งของที่อยากได้ก็มนุษย์ ก็ต้องการมากขึ้น  

            โดยเฉพาะ ผู้ชายหัวหน้าครอบครับ การหารายได้พิเศษ เช่น รถขับวินมอเตอร์ไซค์ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีความสนใจ   สำหรับคนอยากขับวินมอเตอร์ไซค์นั้น จะบอกว่าง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายากก็ยาก เพราะไรง่ายก็คือตัดเสื้อก็วิ่งได้เลย ลักษณะนี้ก็วิ่งได้แต่มันผิดกฎหมาย พอตำรวจเรียกก็ถูกปรับ รู้สึกว่าตอนนี้ปรับกันหนัก ตั้งหลายพันบาท แต่ถ้ายากก็ตรงที่ว่าจะทำให้ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ขออธิบายกันยาว

            อย่ามองแค่โลกสวย  บางคนไม่ความสนใจ อยากหารายได้พิเศษ อยากขับวินรับจ้างมองว่าหาเงินง่าย ยิ่งไปถามคนขับวินที่มีรายได้เป็นพันต่อวัน  ทำให้คนเพียงแล้วคลื้มอยากวิ่งมั่ง  แต่มุมไม่ดีเขาไม่เล่าให้คุณฟัง คุณต้องพิจารณาให้รอบด้าน หาข้อมูลเพิ่มเติมให้มาก เพราะคุณอาจจะถูกหลอกขายเสื้อก็ได้  




            ขอทำความเข้าใจกับผู้ที่สนใจจะมาขับ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจประเภทของผู้มาขับวิน ดังนี้
            1.ประเภทการศึกษาปานกลาง เรียนไม่จบ ประเภทเหลือขอ ไม่รู้จะไปทำอะไร เพราะไม่มีใครรับเข้าทำงาน เนื่องจากปัญหาการศึกษา และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม (แต่ปัจจุบันมีการออกกฎหมายมารองรับแล้วผู้ที่จะขับวินได้ ต้องตรวจสอบประวัติจาก กรมตำรวจก่อน)  และคนที่จบการศึกษา ระดับสูง ก็เข้ามาสู่วงการขับวินมากขึ้น

           
2. ประเภท ที่มาจากต่างจังหวัด  การศึกษาระดับประถม หรือมัธยม ฯ มองว่ามีรายได้ดี มีความเป็นอิสระ
           
3 . ประเภทตกงาน ไม่มีงานทำ มองว่าทำง่าย รายได้ดี ว่างงาน ขณะรองรองานก็มาขับวิน ดีกว่าอยู่เฉย

ซึ่งทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมานี้ล้วน ยอมมาขับวินก็เพราะเลือกงานไม่ได้ จำเป็นจะต้องมาขับวินเลี้ยงชีพ  ทั้งที่ผ่านมาอาชีพขับวินนั้นเป็นอาชีพที่คนทั่วไปมองว่า เป็นอาชีพที่ต่ำด้อย  ก้าวร้าว สกปรก เป็นนักเลงหัวไม้และอื่น ๆ สารพัดที่ไม่ได้รับการยอมรับ  ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ยุ่งด้วย  และเป็นอาชีพที่หลายคนพยายามปฏิเสธ จะไม่ยอมทำเอาเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่อาชีพนี้มีรายได้ดีมากกว่าพนักงานในออฟฟิศ ด้วยซ้ำไป แต่พอมาถึงยุคนี้พนักงานออฟฟิศ บางราย ที่มีการศึกษาที่สูงขึ้น ก็เริ่มที่จะมองว่าอาชีพนี้น่าสนใจ เพราะมีรายได้มากพอที่จะมาเลี้ยงชีพได้อย่างสบาย ซึ่งคนขับวินบางรายสามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ได้อย่างสบาย ก็เลยกลายเป็นคนขับวินประเภทที่ 4 นั้นเอง

            4 .ประเภทขับเป็นรายได้เสริม   ผู้ที่มาขับวินเป็นงานเสริม ประเภทนี้มีเป้าหมาย ที่แตกต่างกันมากขึ้น  บางรายเป็นพนักงานบริษัท  เช่น พนักงานส่งเอกสาร พนักงานฝ่ายบุคคล ฝ่ายจัดซื้อ หรือฝ่ายช่างในโรงงานก็มี  จะวิ่งเฉพาะเวลาว่าง บ้างครั้งก็จะมีตำรวจ และทหาร ที่ต้องการมีรายได้เสริม โดยเฉพาะตำรวจนี้ก็จะเป็นมาวิ่งในลักษณะที่ปลอมตัวมาสืบหาเบาะแสผู้กระทำความผิด เพราะว่าการใส่เสื้อวินจะเดินทางไปไหนมาไหน  สะดวกสามารถสืบผู้สงสัยว่ากระทำความผิดได้ง่าย ส่วนรายได้จากการเก็บค่าโดยสารนั้นก็เป็นเรื่องรอง 
ถ้าอยากขับวินจะทำไงละ

            ข้อที่ 1 สำรวจตนเองก่อน   ต้องถามก่อนว่าแน่ใจหรือไม่ว่าจะมาคับมีความอดทนเพียงพอหรือไม่มีไหวพริบปฏิภาณที่จะเอาตัวรอดปลอดภัยบนท้องถนนมากน้อยแค่ไหนมีความจริงใจที่จะรับส่งผู้บริหารด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่หรือไปหลอกลวงไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและผู้ร่วมอาชีพ หรือทำเพราะว่าไม่มีอะไรทำซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าคุณทำถูกต้องและไม่ถูกต้องนั้นทุกอย่างมันจะย้อนกลับมาถึงตัวคุณทั้งสิ้น  ประการสุดท้ายจากและหลายข้อที่สำคัญที่สุดก็คือว่า คุณกล้าเพียงพอไหม คุณอับอาย ไหม ที่จะมาใส่เสื้อวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง


            ข้อที่ 2 ท่านตอบว่ากล้า ก็ลุยเลย ลุยข้อแรกมองหา  ทำเลของวินเป้าหมาย  ควรที่จะต้องพิจารณา เลือกวิน คุณต้องลงทุนออกสำรวจทันทีว่าวินไหนที่มีผู้โดยสารใช้บริการมาก  วินที่เงียบเหงาไม่ควรสนใจ เสียเวลา ต้องมองวินที่มีผู้โดยสารมาก ตลอดจนราคาที่เขาวิ่งกัน ถูกหรือสูง อย่างไรก็พิจารณาเอง เวลาไหนที่วิ่งดี ช่วงเช้า ช่วงเที่ยง หรือช่วงเย็นถึงกี่ทุ่มแล้ว เมื่อกำหนดเลือวินเป้าหมาย แล้ว
            ลุยเข้าไปเลย โดยใช้คำที่สุภาพที่สุดเท่าที่ทำได้ว่า สวัสดีครับพี่ ผมสนใจอยากมาวิ่งวิน ผมขอพบหัวหน้าวิน พี่พอที่จะกรุณาได้ไหม ครับ ถ้าหัวหน้าวินยังไม่เข้ามา ก็ขอเบอร์ติดต่อไว้ก่อน ขณะเดียวกันก็สอบถามสมาชิกในวินว่า  มีเสื้อว่างไหม พอที่ผมจะมาขับวินได้บ้าง มีเงื่อนไขในการที่จะมาวิ่งวินอย่างไรบ้าง  ราคาเสื้อแพงไหม  และรายได้ต่อวันเป็นอย่างไร 

            ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะสนใจวินนี้อย่างชัดเจน  นั้นก็เนื่องมาจากว่ามันเป็นวินที่เรามองแล้วว่ามีรายได้ต่อวันมาก  เราจะต้องให้ความสนใจ กับวินเป็นประเภทนี้เป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมุ่งมั่นที่จะต้องพูดคุยกับหัวหน้าวินให้ได้ ถึงจะเป็นบทสรุปในการที่เราจะวิ่งวินได้ หรือไม่ได้ อย่างไร  ซึ่งคำแนะนำในการที่จะเข้าสู่การขับวิน  ในตอนนี้ก็ขอจบไว้เพียงแค่นี้ ในตอนหน้าเราจะมาพูดคุยกันต่อเป็นเรื่องหลังจากเราพูดคุยกับหัวหน้าวินว่าอย่างไร แล้ว ถ้าหัวหน้าวินแนะนำว่าได้ และไม่ได้ เราจะดำเนินการต่ออย่างไร ติดตามกัน  ตอนต่อไป ครับ

/////////////////////



วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

ขนส่งสะพานตากสิน (สาทร)

ขนส่งสะพานตากสิน (สาทร) 
มีหลายท่านยังไม่ทราบว่า สำนักงานขนส่งย่อยสาทรอยู่ตรงไหน เรามาทำความเข้าใจให้ประจ่างกันว่า ท่าเรือสาทรเป็นท่าเรือ ที่เก่าแก่มากตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี โน้นแหละสมัยโบราณใช้เป็นท่าแพที่ขนท่อนซุง (ท่อนไม้ขนาดใหญ่)  ที่ลำเลียงท่อนซุงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ขนท่อนไม้เหล่านี้มาขึ้นที่ท่าน้ำแหงนี้เดิมไม่ทราบว่าชือ่ว่าอะไร แต่มาตั้งชื่อภายหลังว่า ท่าเรือสาทร เพราะท่าเรือนี้อยู่ในเขตสาทรนั้นเอง (เรียกชื่อตามชื่อเขตสาทร)  เมื่อนำท่อนซุงมาแล้วก็ให้คนงานลำเลียงมาเก็บไว้ที่ตรอกซุง ตรอกซุงนี้ปัจจุบันคือซอยศรีเวียง ซึ่งเป็นซอยอยู่ตรงข้ามห้างโรบินสันบางรักในปัจจุบัน



            ท่าเรือสาทรนี้บางคนก็เรียกว่า ท่าเรือตากสิน เพราะสับสนเนื่องจากสมัยต่อมามีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เลยเกิดความสับสนในการเรียกชื่อ ทั้งท่าเรือ และสะพาน จึงขอแนะนำความถูกต้องดังนี้ ถ้าเป็นท่าเรือ เรียกว่าท่าเรือสาทร ถ้าเป็นสะพานที่ตั้งอยู่ด้านบนของท่าเรือ ที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกว่าสะพานตากสิน นี่คือชื่อที่ถูกต้อง  และตรงบริเวณนี้แหล่ะจะมี สำนักงานขนส่งย่อย  ของกรมการขนส่งทางบก ตั้งอยู่ใต้สะพานตากสิน และใกล้กับท่าเรือด่วนสาทรนี้เอง สำนักงานขนส่งนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะอีกที่  ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อยู่บริเวณที่ติดกัน สำนักงานขนส่งของกรมการขนส่งทางบก ย่อยแห่งนี้ จะเปิดบริการต่อทะเบียนต่อภาษี รถยนต์ส่วนบุคคล และมอเตอร์ไซค์  ถ้าเดินทางมาถึงแถวบางรัก ถ้าถามคนทั่วไปก็จะไม่ค่อยทราบ เพราะที่ทำการลึกมาก ไม่สะดุดตาถ้าไม่พยายมสังเกตจะไม่ทราบเลย เนื่องจากไม่มีสัญญลักษณ์ใด ๆ ให้สังเกตรู้ได้  คนผ่านไปมาส่วนมากแล้วจะไม่มีใครรู้จักหรอกว่าที่ใต้สะพานตากสินแห่งนี้ มีกรมการขนส่งย่อย แต่ถ้าถามวินรถมอเตอร์ไซค์ จะรู้จักกันดี  ว่ามีขนส่งอยู่ตรงนี้ ถ้านั่งวินไปท่าน้ำสาทรพอไปถึงริมท่านำ้ ให้มองทางด้านซ้ายมือจะมีตึกสีขาวสองชั้นตั้งอยู่บริเวณฝั่งท่าเรือนั้นเอง  นี่แหละคือสำนักงานขนส่งย่อย ท่าเรือสาทร




ขนส่งทางบกท่าน้ำสาทร เปิดบริการตั้งแต่วันจันทร์  ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 -  16.30 นาฬิกา
 เบอร์โทร  02 – 212- 5644 ถึง 5    
 และเบอร์  02- 212 -3844

รถเมล์ที่วิ่งผ่านบริเวณนี้มีทั้งรถปรับอากาศและรถเมล์ธรรมดา  
สาย 1, 15 , 17 , 35, 75, 115, 116, 504  แต่ท่านั่งเรือด่วนโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา ก็มาลงที่ ท่าเรือด่วนตากสิน  หรือนั่งรถไฟฟ้า BTS  สถานีสะพานตากสิน 
               




วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรงเรียนฝึกอาชีพบางรัก

โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (บางรัก)


            โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยงานส่วนการศึกษา ของทางราชการที่อยู่ในสังกัด ของกรุงเทพมหานคร ที่มีภาระหน้าที่เกี่ยวกับการให้ความรู้ทางการประกอบอาชีพ เน้นการเรียนการสอนทางด้านอาชีพที่มีทั้งภาคทฤษฎีแลภาคปฏิบัติ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ก็เป็นสถาบันแห่งหนึ่งที่เปิดสอน เปิดฝึกอบรมวิชาชีพแก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ และบุคคลที่ว่างงาน  เป็นหลักสูตรการอบรมระยะสั้น นับเป็นรายชั่วโมง เน้นการนำไปประกอบอาชีพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ หรือเรียกว่าไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเหมือนโรงเรียนทั่วไป เพียงจ่ายค่าธรรมเนียม 105 บาท แต่ถ้าเป็นสาขา ที่มีปฏิบัติต้องจ่ายค่าอุปกรณ์เพียง 305  บาท  เท่านั้น สาขาที่จะเรียน ก็มีให้เลือกสมัครได้หลากหลายตามความสนใจ  แม้แต่เวลาเรียนก็มีให้เลือกตามความต้องการได้เช่นกัน เช่น วันเรียนปรกติ จันทร์ ถึง ศุกร์  ภาคค่ำ  ภาคเสาร์  และภาควันอาทิตย์ ก็มีเรียนตามความสะดวก  

เนื้อหา สาขาที่เปิดสอน ฟรี
1
ช่างซ่อมโทรทัศน์เบื้องต้น
11
ช่างซอยผมสตรี
2
เครื่องซ่อมและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
12
ช่างตัดผมชาย
3
การพันมอเตอร์
13
ช่างซอยผมชาย
4
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
14
ช่างเจียระไนพลอย
5
ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร
15
การตรวจสอบและวิเคราะห์อัญมณี
6
เสื้อผ้าสตรี 3 เน้นเสื้อ กระโปรง
16
การผลิตสื่อภาพยนตร์ระบบดิจิตอล
7
เสื้อผ้าสตรี 4 เน้นเสื้อ กางเกง
17
อินเทอร์เน็ตและการสร้างเว็บไซต์
8
การจัดดอกไม้ ใบตอง และการแกะสลัก
18
ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์
9
ศิลปะประดิษฐ์ (งานปั้น  ของที่ระลึก)
19
นวดไทยเพื่อสุขภาพ (นวดตัว)  150 ชั่วโมง
10
ช่างแต่งผมสตรี (ม้วนผม เกล้าผม)
20
ขนมอบ (เค้ก  คุกกี้   ขนมปัง และพาย)


21
อาหารไทย (อาหารคาว และหวาน)
    

  เวลาเรียน รอบเช้า  (9.00 น – 12.00 น)  รอบบ่าย (13.00 – 16.00 น)  รอบค่ำ (17.00 – 20.00 น)  ค่าสมัคร และค่าบำรุงการศึกษา  105  บาท  สาขาใช้คอมพิวเตอร์ 305  บาท  ส่วนสาขาที่ต้องเตรียมวัสดุ และอุปกรณ์บางส่วนมาเอง เป็นกลุ่ม วิชาอาหาร   ศิลปะประดิษฐ์  เสริมสวย  นวด  สปา  และเสื้อผ้า

กำหนดการรับสมัครและเปิดเรียน
รุ่นที่
รับสมัคร
เปิดเรียน
1
1 มีนาคม 59  ถึง 15 พฤษภาคม 59
16 พฤษภาคม 59 - 22 สิงหาคม 59
2
1 สิงหาคม 59 -  31  สิงหาคม  59
1  กันยายน  59  -  2  ธันวาคม 59
3
1 พฤศจิกายน  59 -  19 ธันวาคม 59
20  ธันวาคม  -    27  มีนาคม  59

สาขาวิชา ที่เปิดสอน  และวันเวลาที่รับสมัครแต่ละรุ่น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไขเพิ่ม ได้ตามความเหมาะสม  หรือบางปีการศึกษา เนื่องจากความพร้อม ครู -  อาจารย์  วิทยากร  และความจำเป็น  หรือสาขาวิชานั้น ๆ กำลังได้รับความนิยม  หรือจำนวนผู้สมัครเรียนในแต่ละสาขา ไม่เต็มตามจำนวน ก็อาจมีการปรับเปลี่ยน ตามความจำเป็น  หรือถ้าต้องการทราบความเคลื่อนไหว  และข้อมูลโดยตรง ที่  www. Bmatraining.ac.th

            ส่วนเส้นทางที่จะไปสมัครเรียน สามารถเดินทางได้โดย โรงเรียนตั้งอยู่ที่ถนนศรีเวียง  หลังสถานีตำรวจยานาวา  ถ้ามาทางถนนสีลม สามารถเข้าซอยสีลม 21  ได้  ถ้ามาทางถนนสาทรต้องวิ่งตรงมาก่อนจะมองเห็นทางขึ้นสะพานตากสิน  (บางคนเรียกสะพานสาทร) อยู่ทางขวามือ แต่ไม่ขึ้นสะพานให้ชิดซ้าย ตรงมาใต้สะพานตรงหัวมุมถนนเจริญกรุง แล้ววนขวากลับมา  ก่อนจะถึงแยกสุรศักดิ์ให้เลี้ยวซ้ายเข้าใต้ทางด่วน แล้ววิ่งชิดขวา ประมาณ 500 เมตร ให้วนขวากลับมาอีกครั้ง แล้วตรง มาอีก 500 เมตร ชิดซ้าย ให้ สังเกตซอยซ้ายมือเป็นซอยศรีเวียงแล้วเลี้ยวเข้าไป ก็จะถึงโรงเรียนอยู่ด้านขวามือ

สถานที่ตั้ง                     ตั้งอยู่บนถนนศรีเวียง (หลังสถานีตำรวจนครบาลยานาวา)  แขวงสีลม
           
                        เขตบางรัก  กรุงเทพมหานคร  โทร  02 – 236 -6929 / 02 – 235 - 4362                                           www.vtsbangrak.ac.th  และ  www. Bmatraining.ac.th

รถที่วิ่งผ่าน                     ถนนเจริญกรุง  สาย 1, 15, 35, 75, 77,  115,  163 และ ปอ.  544 , 77
                                    :  ถนนสีลม    สาย  15 ,  77 ,115  และ  ปอ.  544 และ 547
                                    :  ถนนสาทร   สาย  116, 17และ 76

สถานที่ใกล้เคียง           อยู่ด้านหลัง สถานีตำรวจนครบาลยานาวา  (ถนนสุรศักดิ์)
                                   
 อยู่ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลเปร่งประสิทธิ์  สีลม  (ถนนสุรศักดิ์)
                                   
:   โรงพยาบาลเลิดสิน (สีลม)

ระเบียบการรับสมัคร 
1. สัญชาติไทย อายุตั้งแต่   14  ปีขึ้นไป
2 . สามารถอ่านออก เขียนได้ หรือมีความรู้ตั้งแต่ประถมศึกษา ขึ้นไป
3. มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่ติดยาเสพติด หรือเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
4 . ผู้สมัครสาขาช่าง โทรทัศน์ วิดีโอ ควรมีความรู้พื้นฐานในเรื่องวิทยุและเครื่องเสียง
 
5. ผู้สมัครสาขาเรียนที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ควรมีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป


                                                หลักฐานที่ใช้สมัคร
1.  สำเนาทะเบียนบ้าน ที่ถ่ายเอกสาร (เซน รับรองสำเนาถูกต้อง)
2.  สำเนาบัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ (เซนรับรองสำเนาถูกต้อง)
3.  รูปหน้าตรงที่สุภาพ  ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำ ขนาด 1 หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
4 .  สำเนาหลักฐานการศึกษา (ถ้ามี)  1  ใบ